วันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2556

วิธีระบบ กับ เทคโนโลยีการศึกษา


วิธีระบบ กับ เทคโนโลยีการศึกษา

 

วิธีระบบ กับ เทคโนโลยีการศึกษา

ระบบ  (System) 

หมายถึง การรวบรวมสิ่งต่างๆ ทั้งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้นมาอย่างมีระเบียบ โดยมีความสัมพันธ์กันและใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์เพื่อให้การดำเนินงานนั้นบรรลุตามเป้าหมาย

องค์ประกอบของระบบ 


การวิเคราะห์ระบบ (Systems Analysis) 

เป็นการนำเอาระเบียบและวิธีการทางวิทยาศาสตร์ (Scientific Method) มาประยุกต์ใช้โดยพิจารณาถึงความสัมพันธ์ต่างๆ ขององค์ประกอบทั้งหลายภายในระบบ เพื่อตรวจสอบโครงสร้างและขั้นตอนการดำเนินงานของระบบให้เห็นเป็นกระบวนการอย่างชัดเจนเพื่อประโยชน์ต่อการนำไปเป็นหลักการในทางปฏิบัติ ระบบมีขั้นตอนในกระบวนการดำเนินงานที่สำคัญ อยู่ 4 ประการ คือ
  1. การพิจารณาข้อมูลที่ป้อนให้แก่ระบบ
  2. วิธีการดำเนินงานของระบบ
  3. ผลลัพธ์และการตรวจสอบ
  4. การนำผลจากข้อมูลย้อนกลับมาพิจารณาปรับปรุง
ระบบต่างๆ จะดำรงอยู่ได้จำเป็นต้องอาศัยผลลัพธ์ที่ได้ออกมาว่าเป็นที่พอใจหรือรงตามจุดประสงค์ของระบบใหญ่หรือไม่ การที่ระบบจะดำรงอยู่ได้ระบบจำต้องมีการปรับตัวอยู่เสมอด้วยโดยอาศัย
  1. ข้อมูลย้อนกลับที่ได้จากการประเมินผลลัพธ์
  2. วิธีใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด
  3. มีความไวต่อความต้องการและการเปลี่ยนแปลงจุดมุ่งหมายของระบบใหญ่

วิธีระบบกับระเบียบวิธีทางวิทยาศาสตร์

วิธีระบบเป็นการประยุกต์ใช้ระเบียบวิธีทางวิทยาศาสตร์มาใช้  ระเบียบวิธีทางวิทยาศาสตร์ หรือวิธีแก้ปัญหามี 5 ขั้น ดังนี้
  1. การตั้งปัญหา กำหนดขอบข่ายของปัญหา
  2. การตั้งสมมติฐาน
  3. การรวบรวมข้อมูล
  4. การวิเคราะห์ข้อมูล
  5. การสรุปและการนำไปใช้แก้ปัญหา
วิธีระบบ มีขั้นตอนที่สำคัญๆ ดังนี้
  1. ข้อมูลนำเข้า
  2. กระบวนการ
  3. ผลลัพธ์และข้อมูลย้อนกลับ
"ชาร์ด คุลคาร์นี"และคณะ ได้วิเคราะห์ระบบโดยการนำเอาระเบียบวิธีทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้เพื่อเป็นหลักการของการสร้างบทเรียนโปรแกรมและการพัฒนาหลักสูตร ได้วิธีระบบ 8 ขั้นตอน คือ
  1. กำหนดปัญหา (Identify Problem)
  2. จำกัดวงของปัญหา (Define Problem)
  3. วิเคราะห์ปัญหา (Analyze Problem)
  4. หาวิธีแก้ปัญหาแบบต่างๆ (Generate Alternative Solutions)
  5. เลือกวิธีแก้ปัญหาที่เห็นว่าดีที่สุด (Select Best Solution)
  6. ออกแบบวางแผนปฏิบัติ (design Action Programmed)
  7. นำแผนไปปฏิบัติ (Implement Programmed)
ปัจจุบันการวิเคราะห์ระบบได้รับความนิยมนำไปใช้กับสาขาวิชาต่างๆ อย่างกว้างขวางทั้งนี้ เพราะเป็นวิธีการที่ให้ประสิทธิภาพ ประสิทธิผลและประหยัด ในทางการศึกษาและการเรียนการสอนก็มีการนำเอาหลักการวิเคราะห์ระบบมาใช้เช่นกัน

เทคโนโลยีการศึกษา เป็นการนำเอาวิธีระบบมาประยุกต์ใช้ในวงการศึกษา  ช่วยในการดำเนินงานระบบการเรียนการสอน วิเคราะห์ข้อมูลนักเรียนเพื่อได้ข้อมูลพื้นฐาน ที่จะช่วยในการวางแผนการสอนและตั้งวัตถุประสงค์ของการเรียน และการจัดการสอน ตลอดจนการเตรียมเนื้อหาบทเรียนและวิธีสอน เพื่อในบรรลุตามวัตถุประสงค์การสอนที่ตั้งไว้

ดังนั้นเทคโนโลยีการศึกษาจึงเป็นวิธีวิเคราะห์ระบบ (The System Analysis Approach) เพื่อให้เกิดความเข้าใจในระบบและวิธีวิเคราะห์ระบบ เพื่อจะได้เข้าใจเทคโนโลยีการศึกษาดียิ่งขึ้น



ระบบการสอน

การออกแบบการสอนอย่างมีระบบนั้น จะต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจของกระบวนการเรียนรู้โดยการรวมองค์ประกอบและตัวแปรต่างๆเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อนำไปตัดสินใจในการออกแบบการสอน ทำการทดสอบและแก้ไขปรับปรุง เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จในการเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ 

ระบบการสอนที่ดี ควรมีองค์ประกอบที่ชัดเจนและครอบคลุม ผ่านการคิด วิเคราะห์มาจากข้อมูลสภาพจริง และสามารถนำไปปรับใช้ได้จริง เน้นผู้เรียนในบรรลุตามวัตถุประสงค์ทั้งด้านความรู้และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ซึ่งระบบการสอนที่ดี ควรมีองค์ประกอบดังต่อไปนี้

จุดมุ่งหมายในการสอน /วัตถุประสงค์ในการสอน (Specification of Objectives)

ครู ผู้สอน ต้องกำหนดจุดมุ่งหมาย หรือวัตถุประสงค์ในการสอนที่ชัดเจน ว่าต้องการให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ในเรื่องใด เพื่ออะไร เรียนอย่างไร หรือ นำปัญหาในการเรียนการสอนที่เกิดขึ้นมาวิเคราะห์เพื่อเป็นข้อมูลในการกำหนด จุดมุ่งหมายในชั้นเรียน ทั้งนี้ครูผู้สอนจะต้องคำนึงถึงผู้เรียนเป็นสำคัญ ว่าจุดมุ่งหมายในการสอนเป็นเรื่องที่ผู้เรียนสนใจหรือไม่ ผู้เรียนจำเป็นต้องรู้หรือไม่ สามารถจัดการเรียนการสอนตามจุดมุ่งหมายได้หรือไม่ หรือ ผู้เรียนสามารถนำความรู้ที่ได้จากเรียนไปประยุกต์ใช้ได้ในชีวิตจริงหรือไม่

วิเคราะห์ลักษณะผู้เรียน (Assessment of Behavior)

การวิเคราะห์ลักษณะผู้เรียน จะเป็นข้อมูลพื้นฐานที่จะช่วยในครูผู้สอนเข้าใจลักษณะของนักเรียนในความแตกต่างของแต่ละบุคคล ครูผู้สอนสามารถสังเกตพฤติกรรมผู้เรียนในชั้นเรียน เพื่อศึกษาลักษณะพื้นฐาน ความสนใจ วิธีการเรียนรู้ของผู้เรียน รวมไปถึงลักษณะนิสัย ภูมิหลัง และการอยู่ร่วมกันในสังคมของผู้เรียนหรือทำแบบทดสอบก่อนเรียน เพื่อทราบความรู้ดั้งเดิม และนำไปวิเคราะห์ ปรับเปลี่ยน แก้ไข องค์ประกอบของระบบการสอนให้เข้ากับผู้เรียน


เนื้อหาวิชา  (Subject Content)

การเลือกเนื้อหาวิชา หรือองค์ความรู้ที่จะมาใช้ในการสอนนั้น เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ครูผู้สอนจะต้องคำนึงถึงจุดมุ่งหมายที่ได้ตั้งไว้เป็นอย่างแรก ข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์ลักษณะผู้เรียนจะเป็นข้อมูลพื้นฐานที่จะช่วยในการเลือกเนื้อหาวิชา ครูผู้สอนจำเป็นจะต้องเลือกเนื้อหาวิชาให้เข้ากับเพศ วัย ระดับศึกษา ของผู้เรียน เนื้อหาวิชาจะต้องครอบคลุมความรู้ที่ผู้เรียนควรจะได้รับ เพื่อจะเป็นความรู้พื้นฐานที่จะไปต่อยอดในการเรียนระดับชั้นที่สูงขึ้น

กิจกรรม/เทคนิคการสอน  (Activity and Determination of Strategy)

สิ่งที่จะช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจในเนื้อหาวิชามากขึ้น คือ กิจกรรมในชั้นเรียนและเทคนิคในการสอน ถ้าผู้สอนมีกิจกรรมและเทคนิคการสอนที่น่าสนใจ สามารถทำให้ผู้เรียนมีความสนุกสนาน เพลิดเพลิน พร้อมท้้งได้สาระความรู้ จะเป็นการกระตุ้นและสร้างเจตคติที่ดีต่อรายวิชานั้นๆ ทำให้ผู้เรียนเกิดแรงจูงใจในการเรียนต่อไป นอกจากกิจกรรมและเทคนิคการสอนที่ทำให้ได้ความรู้ในเนื้อหารายวิชานั้นๆแล้ว ครูผู้สอนควรมีเนื้อหาที่สอดแทรก คุณธรรม จริยธรรม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ด้วย เพื่อให้ผู้เรียนเป็นบุคคลที่สมบูรณ์พร้อม ทั้งร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา

สภาพแวดล้อม (Enviroment)

การจัดเวลาเรียน (Allocation of Time) การจัดเวลาเรียนให้เหมาะสมกับการเรียนการสอนนั้น ควรพิจารณาจาก วัตถุประสงค์ เนื้อหา วิธีการสอน 
การจัดสถานที่เรียน (Allocation of Space) การจัดสถานที่เรียนให้เหมาะสมกับการเรียนการสอนนั้น ควรพิจารณาจาก กิจกรรมในการเรียนสอน จำนวนผู้เรียน และบรรยากาศ สภาพห้องเรียนที่พร้อมสำหรับการเรียนการสอน
การจัดทรัพยากร (Allocation of Resources) การจัดทรัพยากรให้เหมาะสมกับการเรียนการสอนนั้น ควรพิจารณาจากวัตถุประสงค์ เนื้อหา กิจกรรม สถานที่ จำนวนผู้เรียน ทรัพยากรที่ใช้อาจเป็นได้ทั้งบุคคล สื่อการสอนอิเล็คทรอนิกส์ สื่อตามสภาพจริง สื่อสิ่งพิมพ์ และอื่นๆอีกมากมาย ทั้งนี้ยังต้องคำนึงถึงลักษณะและรูปแบบการรับรู้ของผู้เรียนด้วย

การประเมินผล (Evaluation of Performance)

การประเมินผลเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการเรียนการสอน เพราะเป็นตัวชี้วัดที่บอกได้ว่า การเรียนการสอนในชั้นเรียนนั้น บรรลุตามจุดมุ่งหมายหรือวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้หรือไม่ ทั้งด้านความรู้และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ รวมไปถึงการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนกับผู้เรียน ผู้เรียนกับผู้สอน และผู้เรียนกับกิจกรรมและสื่อการสอน

การวิเคราะห์ข้อมูลย้อนกลับ (Analysis of Feedback)

ในกรณีที่ประเมินผลแล้วพบปัญหาว่า การจัดการเรียนการสอนไม่เป็นไปตามจุดมุ่งหมายหรือวัตถุประสงค์ จะต้องวิเคราะห์ผลย้อนกลับนำมาพิจารณาว่า ในการดำเนินการตั้งแต่เริ่มต้นมีข้อบกพร่องที่ใดในระบบ ทั้งนี้เพื่อเป็นแนวทางในการปรับปรุงแก้ไขระบบการสอนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น





อ้างอิง : บุญเกื้อ ควรหาเวช, ผศ.ดร. วิธีระบบ (System Approach) (ออนไลน์). แหล่งที่มา :    
                       http://www.st.ac.th/av/inno_system.htm. 15 สิงหาคม 2556.
            Senarak. วิธีระบบ (System Approach) (ออนไลน์). แหล่งที่มา : 
                       http://senarak.tripod.com/system.htm. 15 สิงหาคม 2556.
 



วันเสาร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2556

บทวิเคราะห์ ปัญหาที่เกิดจากเทคโนโลยีสารสนเทศ

ปัญหาวัยรุ่น กับการขายบริการ

ผ่านอินเตอร์เน็ต

 


             ทุกวันนี้เทคโนโลยีสารสนเทศ ได้รับการพัฒนาให้มีความเจริญก้าวหน้า เติบโตอย่างรวดเร็ว และยังคงพัฒนาต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งทำให้ภาคส่วนต่างๆ ได้รับอิทธิพล เติบโตและพัฒนาไปพร้อมๆกับเทคโนโลยีสารสนเทศ ไม่ว่าจะเป็นสังคม เศรษฐกิจ อุตสาหกรรม สาธารณสุข การศึกษา เป็นต้น หากแต่ทุกสิ่งย่อมมีทั้งผลดีและผลเสีย เหมือนกับเหรียญที่มี 2 ด้าน ในขณะที่หลายคนใช้เทคโนโลยีสารสนเทศให้เกิดประโยชน์ ให้เทคโนโลยีเป็นสิ่งที่ส่งเสริมการทำกิจกรรมด้านอื่นๆ ใช้เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ ยังมีอีกหลายคนที่ใช้เทคโนโลยีไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม ก่อให้เกิดปัญหา และนำมาซึ่งปัญหาสังคม



                หลายครั้งที่เทคโนโลยีสารสนเทศถูกใช้อย่างไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำสิ่งที่ผิดกฏหมาย นำมาซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคม บางปัญหาถูกมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย ปกติ ธรรมดา ใครๆก็ทำ ยากที่จะตรวจสอบ และบทลงโทษในข้อกฎหมายยังเบาอยู่ เช่น การคัดลอกความคิด รูปภาพ บทความ บทวิเคราะห์ จากเว็บไซต์ การดาวน์โหลด ละเมิดลิขสิทธิ์เพลง การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการหมิ่นประมาทและทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง การสร้างและเสพสื่อลามก การขายหวยออนไลน์ เป็นต้น หรือบางปัญหาที่เป็นปัญหาสังคม ร้ายแรง และเร่งให้ได้รับการแก้ไข เช่น การยักยอกเงินจากองค์กรต่างๆ การโจรกรรมข้อมูล การพนันออนไลน์ การค้าประเวณี เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นอาชญากรรมที่เกิดจากเทศโนโลยีสารสนเทศทั้งสิ้น ในที่นี้ ขอยกตัวอย่าง ปัญหาวัยรุ่นกับการขายบริการผ่านอินเตอร์เน็ต


          
          ปัญหาวัยรุ่นกับการขายบริการผ่านอินเตอร์เน็ต เป็นปัญหาที่กำลังรุนแรงและแพร่ขยายไปอย่างรวดเร็ว โดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นช่องทางในการซื้อ-ขาย อย่างครบวงจร ทั้งการโฆษณา การตกลงราคา การเลือกสถานที่ ผ่านทางเว็บไซต์ เฟสบุ๊ค ทวิตเตอร์ สไกป์ เอ็มเอสเอ็น ฯลฯ มีทั้งการซื้อ-ขายผ่านนายหน้า และการซื้อ-ขายโดยผู้ขายบริการเอง จากผลการสำรวจ และผลการวิจัยจากหลายบุคคล หลายองค์กร ทำให้เราได้พบกับข้อมูลที่น่าตกใจและน่าเป็นห่วงหลายอย่าง เช่น 
  1.  ผู้ขายบริการส่วนใหญ่ เป็นนักเรียน-นักศึกษา ในทุกระดับการศึกษา อายุต่ำสุดที่สำรวจพบของผู้ขายบริการ คือ 10 ขวบ
  2. ผู้ขายบริการมีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย
  3. ค่านิยมและทัศนคติที่ผิดๆ 
  • การขายบริการทางเพศเป็นเรื่องสิทธิส่วนบุคคลที่เกิดจากความพึงพอใจของทั้งสองฝ่าย 
  • การขายบริการไม่ใช่เรื่องเสียหาย หรือเสียศักดิ์ศรีอะไร เพราะไม่ได้ต่างอะไรจากการร่วมหลับนอนกับคนรักมากนัก เป็นการเสียตัวที่ได้เงิน
  • การคิดและทำตามค่านิยมตะวันตก ที่คิดว่าการเสียตัวเป็นเรื่องปกติ
  • การขายบริการไม่ต่างจากการทำอาชีพอื่นๆ ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน
  • บางครั้งเป็นเรื่องของรสนิยมทางเพศที่ชอบเปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ ชอบการมีเพศสัมพันธ์เป็นคู่ หรือเซ็กส์หมู่
  • การขายบริการเป็นเพียงการแข่งขัน การสร้างยอดขาย หรือการล่าแต้ม
  • การขายบริการเป็นเรื่องง่าย ได้ค่าตอบแทนดี และรวดเร็ว

ปัญหาสังคมที่นับวันจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น หากไม่เร่งดำเนินการแก้ไขที่ถูกต้องและจริงจัง ปัญหาวัยรุ่นกับการขายบริการผ่านอินเตอร์เน็ตเป็นปัญหาที่สะท้อนให้เห็นถึงความเหลวแหลกของสังคม และสะท้อนให้เห็นถึงจิตใจของคนในสังคมเดียวกันที่ปล่อยปละละเลยไม่ทำการใด ๆ อย่างจริงจังในการที่จะหยุดยั้งและแก้ไข ขจัดสภาวะทางสังคมที่เลวร้ายนี้ให้หมดไป



ปัจจัย

       1.สถานะทางการเงิน ผู้ขายบริการบางคนทำอาชีพนี้เพราะต้องการได้เงิน ทางบ้านมีฐานะยากจน หรือกำลังประสบปัญหาทางการเงิน โดยคิดว่าการขายบริการทางเพศ ไม่จำเป็นต้องลงทุนอะไร ได้เงินคราวละมากๆ และได้เงินรวดเร็ว
2.ความอยากรู้อยากลอง วัยรุ่นบางคนเริ่มอาชีพการขายบริการผ่านอินเตอร์เน็ตจากความอยากรู้อยากลอง ทั้งเรื่องวิธีการซื้อ-ขายบริการทางเพศ และเรื่องการมีเพศสัมพันธ์
3.วัตถุนิยม นักเรียน นักศึกษาบางคนที่มีความฟุ่มเฟือย ติดค่านิยมใช้ของแบรนด์เนม ตามแฟชั่น อยากได้ของหรูๆ แพงๆ  บางคนจึงยอมขายบริการเพื่อจะมีเงินไปซื้อของตามกระแส เช่น โทรศัพท์ กระเป๋า รองเท้า เครื่องสำอาง เป็นต้น
4.การหมกมุ่นในเรื่องเพศ การหมกมุ่นในเรื่องเพศนี้ อาจเกิดได้ทั้งจากผู้ขายบริการและผู้ซื้อบริการ 
5.รสนิยมทางเพศ บางคนมีรสนิยมทางเพศที่ต่างจากคนปกติทั่วไป และสามารถหาได้จากการซื้อ-ขายบริการทางเพศ เพราะเป็นการซื้อ-ขายทางอินเตอร์เน็ตจึงไม่จำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลในผู้อื่นได้รู้ และไม่จำเป็นต้องรู้จักกัน
6.การขายบริการเป็นเรื่องสนุก บางคนคิดว่าการขายบริการไม่ต่างจากการขายของอื่นๆ ที่ทำแล้วมีรายได้เข้ามา เป็นความพึงพอใจของทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ บางครั้งเป็นเพียงเรื่องการพนันขันต่อ การเล่นสนุกเท่านั้น

7.วัยรุ่นหรือเยาวชนตกเป็นเหยื่อของนายหน้า การซื้อ-ขายบริการทางเพศ บางครั้งผู้ขายเองไม่ได้รู้เห็นเป็นใจ หรือเต็มใจที่จะขายบริการ หากแต่ตกเป็นเหยื่อของนายหน้าที่เห็นแก่ประโยชน์ของตนเอง อาจถูกหลอก บังคับ โดยใช้ข้อความ รูปภาพ หรือข้อมูลบางอย่าง เพื่อให้นำมาสู่ขายบริการ 

การแก้ปัญหา

       เนื่องจากปัญหาวัยรุ่นกับการขายบริการผ่านอินเตอร์เน็ตนั้น นับวันยิ่งทวีความรุนแรง แพร่ขยายไปอย่างรวดเร็ว และลดระดับอายุของผู้ขายบริการลงไปเรื่อยๆ ดังนั้นทุกคน ทุกฝ่ายควรมีการช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาโดยเร่งด่วน
ตนเอง
1.ทุกคนควรเห็นและตระหนักถึงคุณค่าในตัวเอง รักศักดิ์ศรีของตน
2.ไม่ควรสนับสนุน หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อ-ขายบริการทางเพศ
ครอบครัว
1.ครอบครัวควรให้ความรัก ความอบอุ่น ความเข้าใจ การเอาใจใส่ เพื่อให้วัยรุ่นได้เติบโตเป็นเยาวชนที่ดี
2.ผู้ปกครองควรปลูกฝังค่านิยมที่ถูกต้องในทุกๆเรื่อง เป็นทั้งพ่อ แม่ และเพื่อน มีพูดคุยกันในครอบครัว และให้ทำปรึกษาเมื่อยามที่ลูกมีปัญหา
3.ปลูกฝังค่านิยมเรื่องการรักนวลสงวนตัว และสอนเรื่องศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรม ศาสนา เพราะการซื้อ-ขายบริการทางเพศ เป็นเรื่องที่ผิดศีลธรรม และผิดต่อหลักข้อเชื่อในทุกศาสนา
โรงเรียน
1.ให้ความรู้ ความเข้าใจ เรื่องเพศศึกษา เพื่อให้เยาวชนได้เข้าใจหลักกลไกของธรรมชาติที่ถูกต้อง
2.ให้ความรู้ ความเข้าใจ เรื่องศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรม และศาสนา
3.อบรมให้เยาวชนเป็นผู้มีความรู้และสมบูรณ์พร้อมในทุกด้าน ร่างกาย อารมณ์ สังคม สติปัญญา
เจ้าหน้าที่บ้านเมือง
1.ควรออกพื้นที่สำรวจทั้งในสถานที่จริงและบนโลกอินเตอร์เน็ต เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นจริงที่สุด
2.เข้มงวดต่อการปฏิบัตหน้าที่ในการกวดขัน จำกุม และลงโทษ
3.เป็นผู้มีความซื่อสัตย์ สุจริต ไม่เห็นแก่อามิสสินจ้าง ปฏิบัติหน้าที่พร้อมด้วยจรรยาบรรณ และความซื่อสัตย์
เอกชน
1.ไม่สนับสนุนการซื้อ-ขายบริการผ่านอินเตอร์เน็ต
2.ช่วยสอดส่องดูแล เป็นหูเป็นตา แก่เจ้าหน้าที่บ้านเมือง
รัฐบาลและกระทรวงที่เกี่ยวข้อง
1.ควรมีการเพิ่มมาตรการในข้อกฎหมายให้เอาจริงเอาจังและเพิ่มบทลงโทษให้มีความรุนแรงมากขึ้น
2.มีการสำรวจและตรวจสอบเว็บไซต์ หรือโปรแกรมอื่นๆที่ใช้ในการซื้อ-ขายบริการผ่านอินเตอร์เน็ต และดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด
3.ปรับแผนการเรียนการสอน ที่เน้นคุณธรรม จริยธรรมมากขึ้น เพื่อให้เยาวชนเป็นผู้มีภูมิต้านทานในการใช้ชีวิต ไม่เพียงแต่มีความรู้ในห้องเรียนเท่านั้น และพัฒนาให้เยาวชนเหล่านี้เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพในสังคมต่อไป

ณ เวลานี้ เราทุกฝ่าย ควรเปิดใจ และยอมรับว่า สังคมไทยที่มีความงดงาม พร้อมวัฒนธรรม ที่ได้ถ่ายทอดมารุ่นสู่รุ่น ดำเนินมาแต่ช้านานนั้น ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก และเสื่อมลงไปทุกวันทุกวันแล้ว จริงที่ว่าปัญหาการซื้อ-ขายบริการผ่านอินเตอร์เน็ตนั้นเป็นเรื่องที่ติดตาม และแก้ไขได้ยาก เป็นเรื่องของทัศนคติ ความพึงพอใจของบุคคล แต่สิ่งเหล่านี้กำลังเป็นปัญหาสังคมที่สะท้อนให้เห็นถึงความเหลวแหลก และความต่ำทรามในจิตใจของผู้คน เป็นปัญหาที่รุนแรง ทวีความรุนแรง และแพร่ขยายไปอย่างรวดเร็ว ส่วนหนึ่งก็เพราะความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศ หากแต่ทุกปัญหาต้องอาศัยความร่วมมือ ร่วมใจ จากทุกฝ่ายทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้ผ่านพ้นไปได้ รวมถึงการพัฒนาประชากรให้เป็นทรัพยาบุคคลที่มีคุณภาพ และพร้อมที่จะพัฒนาประเทศชาติต่อไป



 
  อ้างอิง       

        ประดับพันธ์ บุตรไชย. ปัญหาวัยรุ่นกับการค้าบริการทางเพศ (ออนไลน์). แหล่งที่มา
                         :http://www.learners.in.th/blogs/posts/335881. 5 สิงหาคม 2556.
        โอเคเนชั่น. วิจัยเจาะลึก "นศ.ขายเซ็กส์ผ่านเน็ต" (ออนไลน์). แหล่งที่มา  
                                                       :http://www.oknation.net/blog/Sp-Report/2011/07/11/entry-11. 5 สิงหาคม 2556.






วันจันทร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2556

MY PROFILE ^^

Filmmie's Profile


20 ปี ก่อน ในวันที่ 29 ตุลาคม 2535 เวลา 9.00 น. เป็นช่วงเวลาที่ 
"เด็กหญิงคารียาห์ ญาณะธรรม" ได้ถือกำเนิดขึ้น ในสกุลญาณะธรรม 
(ที่แปลว่า ผู้มีญาณแห่งธรรม) 
สายสกุลดั้งเดิมอยู่ทางเหนือสุดแดนสยาม 
ปัจจุบันใช้ชีวิตอยู่ในเมืองสุรินทร์ เพราะพ่อตกหลุมรักสาวสุรินทร์ถิ่นช้างใหญ่ ♥  


 


ฟิล์ม เป็นชื่อที่ป้าตั้งให้ เพราะป้าชอบถ่ายรูป แต่จะตั้งชื่อว่า น้องกล้อง ก็กระไรอยู่
 ดำรงตำแหน่งลูกสาวคนโต ที่ครอบครัวทั้งรัก ทั้งหวง กลัวว่าความขี้เหร่ที่มี 
จะทำให้คนอื่นตกใจและหัวใจวายตายได้ 
ส่วนน้องชายคนเล็กหล่อระเบิด เดินไปที่ไหน สาวเหลียวที่นั่น 
อะไรคือความยุติธรรม? 


เด็กหญิงคารียาห์ จบ ชั้นอนุบาล ห้องคุณครูสงบ มีรูป ดอกไม้ เป็นรูปประจำตัว
                            จบ ชั้นประถม จากโรงเรียนประถมประจำอำเภอ โรงเรียนสังขะวิทยาคม 
 (เด็กเอ๋ย เด็กน้อย ตอนนั้นตั้งใจเรียน ที่ 1 ที่ 2 ตลอด ^^)
                            จบ ชั้นมัธยม จากโรงเรียนมัธยมขนาดใหญ่ประจำอำเภอ โรงเรียนสังขะ 
(ความขยันมักแปรผกผันกับอายุเสมอ)
                            ปัจจุบัน เรียนสนุก ลุกนั่ง สบาย เน็ตแรง แอร์เย็น 
ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ คณะมนุษย์ศาสตร์ สาขาภาษาอังกฤษ ระดับ คบ.5/3 หมู่ 1
                            ปัจจุบัน(กว่า) เรียนวิชา เทคโนโลยีการสื่อสารการศึกษา 
อาคาร 28 ชั้น 3 ห้อง 5 
(=^______^=)





ตอนเด็กๆ คุณพ่อ คุณแม่ผู้ใจดี ให้ที่พักกับนักเรียนที่บ้านไกล
จึงโตมากับเด็กผู้ชาย 11 คน เล่นรถบังคับ เตะบอล มวยปล้ำ ชกมวย ซ่อนหา
มาตั้งแต่เด็ก ก็ได้นิสัยผู้ชายๆมาจากพี่ๆ ห้าวๆ พูดตรง พูดแรง
แต่ก็ได้ความใจดี โอบอ้อมอารีย์ ช่างพูดช่างเจรจามาจากแม่
และความขี้้ดื้อ กวนๆ รักการอ่าน โลกส่วนตัว มาจากพ่อ


 



ถึงตัวจะเรียน ครูอังกฤษ แต่ใจจริงๆแล้วก็มีความเป็น สาวนิเทศ อยู่ มีความร่าเริง สนุกสนาน คุยสนุก พูดเก่ง บ้าดารา อ่านนิยาย ดูละคร ติดซีรี่ย์ (เกาหลี ไต้หวัน ญี่ปุ่น ฝรั่ง)
ชอบแสดงความตลกให้คนอื่นได้หัวเราะ
ความฝันอันยิ่งใหญ่ : อยากได้ประตูไปไหนก็ได้ สีชมพู กับวุ้นแปลภาษา ของโดราเอมอน
ความฝันระยะสั้น : ไปเกาหลี
ความฝันระยะยาว : ไปตั้งรกรากอยู่ที่นั่น .........ชั่วโมงนี้เป็น โรค Koreanism





เรื่องอาหารการกินไม่ต้องห่วง เพราะเป็นคนอยู่ง่าย กินง่าย เลี้ยงง่าย(เฮ้ย!) 
กินได้เกือบทุกอย่าง
ไม่ชอบจริงก็ ผักชีลาว (ฉุน) และทุกอย่างที่ขม
ถ้าอะไรที่ชอบก็จะกินแต่อย่างนั้นจนกว่าจะเบื่อแล้วค่อยเปลี่ยนเมนูใหม่
ชอบระดับเอ็กซ์ตร้า คือ เนื้อย่าง ปลาทู ขนมหวาน และอาหารซีฟู้ด



สัตว์เลี้ยงที่บ้าน มีน้องหมา 2 ตัว มะขามกับมะยม มีแมวน้อย(แต่แก่แล้ว) 1 ตัว ชื่อ มะม่วง
จริงๆ ชอบแมวมากกว่า มันน่ารัก ขี้อ้อน มุ้งมิ้ง แต่แม่ไม่อยากให้เลี้ยงเพราะแม่แพ้ขนแมว 
ที่ได้เลี้ยงมะม่วงเป็นเรื่องบังเอิญและตกกะไดพลอยโจน


  



ด้วยความเป็นคนสนุกสนาน ก็เลยทำให้มีเพื่อน(มี)ฝูงเยอะ เข้าได้กับทุกกลุ่มทุกแก็งค์ 
แก็งค์ BiG Mountain เป็นแก็งค์ที่สิงสถิตอยู่ ณ ปัจจุบัน มีสมาชิก ทั้งหมด 7 คน
ประกอบด้วย นันทิกร ปนัดดา เพชรรินทร์ กานต์พิชชา ปวิชญา  สลิลเกตน์ และคารียาห์
และด้วยความรักที่มากมายจากเพื่อน จึงทำให้มีฉายาตามมาอีกเพียบ เช่น อิอ้วน อิอืด
แม่หมี โอมม่า สลาตัน ฯลฯ (นี่รักจริงๆใช่มั๊ย T^T)


  



นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เรียนปฏิบัติจริง (มีคอมพิวเตอร์ มีแอร์ มีโปรเจ็คเตอร์จริงๆ)
ตื่นเต้นนิดๆ มือเย็นหน่อยๆ
ด้วยความเป็นคนไม่ค่อยเก่ง ไม่ค่อยทันเทคโนโลยี
แต่การทำบล็อคก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิดนะ 





 ♥ ยินดีที่ได้รู้จักทุกท่าน ทุกคน ♥
ขอบคุณสำหรับการติดตาม รับชม 
สวัสดีค่ะ